การที่มี สุขภาพฟัน ที่แข็งแรงไม่มีเรื่องโรคฟันผุ จะส่งผลที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะในเรื่องของการรับประทานอาหารต่าง ๆ โดยที่จะไม่เกิดอาการปวดเสียวฟันในขณะที่รับประทาน และยังทำให้เรามีรอยยิ้มที่สดใสสามารถยิ้มเห็นฟันได้เต็มปาก แต่เชื่อว่าใครหลายคนในปัจจุบันก็กำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากทำให้มีปัญหาเรื่องฟันผุ และอาการปวดเหงือกร่วมด้วย สำหรับปัญหาเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้วจะต้องมีการใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากได้ดี ด้วยการหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ความสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการดูแล สุขภาพฟัน
การดูแลฟันให้สุขภาพดี ถ้าเรามีปัญหาเรื่อง กลิ่นปาก ที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับความสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมในการทำความสะอาดช่องปากเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก็ว่าได้ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดช่องปากที่มีส่วนผสมของข่อย เนื่องจากข่อยเป็นสมุนไพรของคนในสมัยโบราณ ซึ่งต่างขนาดนามว่ามีส่วนช่วยในการป้องกันฟันผุ และทำให้มีลมหายใจสดชื่น ถ้าเราใช้อย่างเป็นประจำก็จะทำให้มีรากฟันที่แข็งแรง ทำให้มีฟันที่ขาวสะอาดโดยที่ไม่ต้องไปฟอกสีฟันอีกด้วย
การดูแลอย่างถูกวิธีทำได้อย่างไร
วิธีดูแลฟันให้แข็งแรง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนควรใส่ใจ เพราะจะทำให้ฟันของเราสามารถดำรงอยู่กับเราได้อย่างยาวนานมากขึ้น ดังนั้นการดูแลฟันอย่างถูกวิธีก็มีดังนี้
- การแปรงฟันอย่างถูกวิธี สำหรับการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเป็นขั้นพื้นฐานในการดูแลสุขภาพช่องปากให้มีความแข็งแรง และไม่มีเชื้อแบคทีเรียใด ๆ โดยเราจะต้องแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้า และเย็น ในขณะที่แปรงจะต้องแปรงประมาณ 2 นาทีขึ้นไป ซึ่งจะต้องแปรงให้ทั่วทั้งผิวฟัน ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง สำหรับแปรงที่ใช้จะต้องมีลักษณะที่นุ่ม และไม่แข็งจนเกินไปเพราะจะทำให้ผิวฟันเกิดการสึกหรอได้นั่นเอง
- การใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาด สำหรับไหมขัดฟันเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำความสะอาดซอกฟันต่าง ๆ ซึ่งการแปรงฟันอย่างเดียวจะไม่สามารถทำความสะอาดในบริเวณซอกฟันได้ ทำให้การใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง จะช่วยกำจัดเศษอาหาร และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในซอกฟันที่เป็นต้นต่อสาเหตุของโรคฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบได้ดีอีกด้วย
- ให้ความสำคัญในการทานอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากของเราก็คือผัก และผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เนื่องจากจะมีส่วนช่วยในการขัดฟัน และขจัดคราบพลัดต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีอาหารที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของฟันของเราได้มากขึ้นนั่นก็คือการทานนม และโยเกิร์ตอย่างเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติหวาน และเป็นแป้งขัดขาว เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้ฟันของเราผุได้ง่าย
- การพบทันตแพทย์อย่างเป็นประจำ เราจะต้องพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพปาก และกำจัดหินปูนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
ปัญหาสุขภาพช่องปากที่คนเป็นกันมากที่สุด
สำหรับปัญหาสุขภาพช่องปากเป็นปัญหาใหญ่ที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ ทำให้เรารู้สึกปวด และรู้สึกเสียวฟันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นปัญหาสุขภาพช่องปากที่มีจำนวนคนเป็นกันมากที่สุดมีดังนี้
- ปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก ซึ่งในระยะแรกของโรคเหงือก จะเรียกว่าเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นระยะเดียวที่จะสามารถรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาเหงือกอักเสบแต่อย่างใด จนนำไปสู่การเสียรูปทรงของเหงือกที่ร้ายแรง มีการติดเชื้อจากคราบจุลินทรีย์ต่าง ๆ ตามซอกฟัน และรวมไปถึงปัญหาการแปรงฟันไม่ทั่วถึง จนทำให้มีเชื้อแบคทีเรียไปสะสมเป็นจำนวนมาก ในที่สุดจนกลายเป็นคราบหินปูนที่ไปสะสมอยู่บริเวณฟันซี่ต่าง ๆ นั่นเอง โดยในเบื้องต้นสามารถรักษาได้ด้วยการขูดหินปูนเกลารากฟัน หรือผ่าตัดสร้างเนื้อเยื่อปริทันต์ขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทน
- ปัญหาเรื่องฟันหลอ สำหรับใครที่มีฟันหลอประมาณ 1-2 ซี่ เนื้อที่ว่างระหว่างฟันมีขนาดใหญ่ อาจจะส่งผลกระทบในเรื่องของวิธีการพูด รวมไปถึงปัญหาการทานอาหารร่วมด้วย จนทำให้เราไม่สามารถทานอาหารได้อย่างมีความสุข โดยเราสามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ฟันปลอม หรือฝังรากฟันเทียมเพื่อจะทำในฟันของเรามีความสวยงาม และสามารถใช้ในการบดเคี้ยวอาหารได้เต็มที่
- ปัญหาอาการเสียวฟัน เป็นปัญหาเกิดจากการเสียผิวหน้าของฟันหรือเหงือก ซึ่งสามารถเกิดได้หลากหลายสาเหตุ โดยหลัก ๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะการแปรงฟันที่ผิดวิธี มีการใช้แปรงสีฟันที่แข็งจนเกินไปจนทำให้เหงือกร่น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะทำให้เรารู้สึกเสียวฟันขึ้นมาได้ สำหรับการแก้ปัญหาในเบื้องต้นก็ให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดฟัน ด้วยการเลือกแปรงให้มีลักษณะความนุ่มแบบพิเศษ หรือถ้าใครยังมีอาการเสียวฟันที่มากขึ้น การพบทันตแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ลักษณะสุขภาพต้องปากที่ดีจะต้องเป็นอย่างไร
สำหรับลักษณะช่องปาก และฟันที่ดีมีความแข็งแรงจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ฟันมีความแข็งแรงไม่มีร่องรอยการผุแต่อย่างใด โคนฟัน และซอกฟันสะอาด ไม่มีคราบหินปูนหรือเศษอาหารเกาะอยู่บริเวณผิวฟัน
- เหงือกไม่ร่น ไม่บวม มีสีที่สด ไม่คล้ำหมองกว่าที่เคยเป็น
- ไม่มีเลือดออกในขณะที่แปรงฟันหรือขัดฟัน
- กระพุ้งแก้ม และช่องปากต้องไม่เป็นแผล และไม่มีอาการปวดบวมแต่อย่างใด
- กราม และขากรรไกรสามารถทำงานได้ตามปกติ มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารได้ดี
บทสรุป สุขภาพฟัน
สำหรับการดูแลฟันให้มีความแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนเลยก็ว่าได้ เราจะต้องหมั่นทำความสะอาดฟันของเราให้มีความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับฟันของเรา ก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันปัญหาเรื่องฟันผุได้ดี นอกจากนี้การให้ความสำคัญในการพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เมื่อฟันของเรามีปัญหาเกิดขึ้นก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ฟันกับเราเกิดการชำรุดไปมากกว่านี้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูล : www.paolohospital.com